จีนติดอันดับ 3 ประเทศใหญ่ที่มีพื้นที่ดินเค็มและมีค่าเป็นด่างกระจายอยู่รวมเกือบ 100 ล้านเฮกตาร์ ในจำนวนดังกล่าว 1 ใน 3 มีศักยภาพด้านการพัฒนาและการใช้ประโยชน์ เนื่องจากอุดมด้วยแร่ ธาตุปริมาณน้อยอย่าง สารเซลีเนียม ฯลฯ

“พื้นที่ดินเค็มและมีความเป็นด่าง” ในแต่ละท้องที่ของจีนได้รับการปรับปรุงคุณภาพดีขึ้น กอปรกับการคัดสรรและเพาะพันธุ์พืชที่ได้คุณภาพ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จึงกลายมาเป็นแหล่งโภคทรัพย์ พ้นจากภาวะในอดีตที่ว่า “การเพาะปลูก 10 ปี แต่ไม่ได้ผลเก็บเกี่ยว 9 ปี”

△พื้นที่ดินเค็มด่าง เมืองชางโจว มณฑลเหอเป่ย ทางภาคเหนือของจีน ได้รับการปรับปรุงดีขึ้น

△พื้นที่ดินเค็มด่าง เมืองต้าชิ่ง มณฑลเฮยหลงเจียง ทางภาคเหนือของจีน ได้รับการปรับปรุงดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี จนได้กลิ่นหอมข้าวเจ้า

△พื้นที่ดินเค็มด่าง หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมืองชินโจว กว่างซี ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน อุดมด้วยธาตุปริมาณน้อย เช่น สารเซลีเนียม เหมาะกับการปลูกเกาลัท (chinese chestnut) มันหวานแดง (sweet potato)

△พื้นที่ดินเค็มด่างลุ่มต่ำ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมืองตงหยิง มณฑลซานตงของจีน ปรับเป็นพื้นที่ปลูกรากบัวสายพันธุ์ต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) และทนต่อการเก็บ

△โครงการสาธิตการเกษตรสมัยใหม่ เมืองตงหยิง มณฑลซานตงของจีน

△พื้นที่ดินเค็มด่าง เมืองปินโจว มณฑลซานตงของจีน ทำการเพาะปลูกฝ้าย และเห็ดสนแดง (Tricholoma matsutake, wine cap stropharia)

(BO/LING/SUN)