หลายวันก่อนศูนย์รับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินทางอินเทอเน็ตแห่งชาติจีนได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ โจมตีบริษัทนิวไฮเทคจีนทางไซเบอร์ 2 ราย

เมื่อพิจารณาเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์จากสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หน่วยงานสำคัญที่สหรัฐฯ ใช้โจมตีมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากซีไอเอ （Central Intelligence Agency，CIA）ที่ผู้คนคุ้นเคยแล้ว ฝ่ายทหารสหรัฐฯ ก็ได้ก่อการโจมตีทางไซเบอร์ต่อต่างประเทศมากขึ้น ทหารสหรัฐฯ ได้กลายเป็นหน่วยงานสำคัญของการโจมตีทางไซเบอร์

สภาพดังกล่าวได้รับการยืนยันจากนโยบายของสหรัฐฯ โดยปีนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศ “แผนปฏิบัติทางยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติ” ฉบับใหม่ คำว่า "กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ" ปรากฏเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนเนื้อหาที่เพิ่มใหม่นั้น มีการเน้นว่าจะปฏิบัติตาม “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางไซเบอร์กระทรวงกลาโหม” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่ถือปฏิบัติการสำคัญทางไซเบอร์เป็นพื้นฐาน

เมื่ออ่านรายละเอียดของแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะพบว่ามีแนวโน้มก่อสงครามอย่างชัดเจน โดยระบุว่า “ต้องเอาชนะสงครามระหว่างประเทศทางไซเบอร์ สร้างความเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ”เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการทางไซเบอร์สหรัฐฯ （U.S. Cyber Command）ได้ดำเนินปฏิบัติการการ “ออกล่าสัตว์” 37 ครั้งใน 20 ประเทศทั่วโลก ด้วยรูปแบบที่ส่งหน่วยรบทางไซเบอร์สู่ต่างประเทศ เพื่อดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์แบบทหาร ซึ่งปัจจุบัน ปฏิบัติการอย่างนี้กำลังเพิ่มมากขึ้น

สองเหตุการณ์ที่เปิดเผยในครั้งนี้มีลักษณะคือการโจมตีใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์หรือระบบ แฮ็กเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเพื่อวางโทรจัน จนควบคุมอุปกรณ์ของบริษัท และขโมยข้อมูลอย่างสำเร็จ

คราวนี้ สหรัฐฯ ก่อการโจมตีทางไซเบอร์ต่อบริษัทจีนเพื่อผลประโยชน์ด้านการแข่งขัน การขโมยความลับทางพาณิชย์ไม่สอดคล้องกับสาเหตุที่ว่า  “ชอบด้วยกฎหมาย” ของสหรัฐฯ เอง แสดงให้เห็นธาตุแท้ของสหรัฐฯ ว่าความมุ่งหมายเลวร้ายของสหรัฐฯ ที่มุ่งมั่นโจมตีจีนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง เมื่อแพ้ในการแข่งขัน ก็ใช้วิธีขโมยหรือปล้นเอา นี่เป็นธาตุแท้ของโจร