จีน-ไทยกระชับความร่วมมือในด้านวัฒนธรรมและสังคม
 การเผยแพร่:2010-05-05 15:16:29   ดูความถี่:0 แหล่ง:CRI
   นครเซี่ยงไฮ้เป็นที่ทราบกันว่าเป็นเมืองที่เจริญในด้านเศรษฐกิจและการค้า เป็นเมืองทั้งเก่าแก่และทันสมัย

นครเซี่ยงไฮ้เป็นที่ทราบกันว่าเป็นเมืองที่เจริญในด้านเศรษฐกิจและการค้า เป็นเมืองทั้งเก่าแก่และทันสมัย ทุกวันนี้ มีนักเรียนชาวไทยไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้มากขึ้นและนับวันมีนักธุรกิจชาวไทยไปทำธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้มากขึ้น ในด้านการดูแลคนไทยที่อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างจีน-ไทยไม่ว่าในด้านเศรษฐกิจ การค้า การศึกษา วัฒนธรรมและศาสนา นายพิรุณ ลายสมิต กงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำนครเซี่ยงไฮ้ได้ทำงานมามากมาย เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอภาคภาษาไทยได้สัมภาษณ์กงสุลใหญ่ พิรุณ ลายสมิต
 
* ท่านมาอยู่ปักกิ่งนานหลายปีแล้ว และเพิ่งย้ายมาอยู่เซี่ยงไฮ้ประมาณครึ่งปีใช่ไหมคะ รู้สึกยังไงคะ ความเหมือนกันกับความแตกต่างกันระหว่างสองเมือง ซึ่งเป็นเมืองอันดันต้น ๆ ของจีน
 
* ผมก็รู้สึกว่าผมโชคดีมากที่ได้มาอยู่เมืองสำคัญของจีนทั้งสองเมือง ไม่ว่าจะเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสอง ถ้าพูดถึงความเหมือนและความต่าง ความเหมือนก็คือว่า คนจีนไม่ว่าที่ปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ ก็เป็นคนน่ารัก ผมเองก็คุยกับเพื่อนคนจีนไม่ว่าที่ปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ด้วยความสนิทสนมเหมือนญาติพี่น้อง ซึ่งทำให้ผมทำงานสะดวกมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ก็คงเฉพาะในเรื่องของงาน ปักกิ่งนี้ในฐานะเป็นเมืองหลวง ตอนที่ผมอยู่ในปักกิ่ง ผมก็ดูในภาพรวม ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนในภาพรวมเป็นภาพใหญ่ ก็ส่วนใหญ่มักจะติดต่อกับทางกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กระทรวงต่าง ๆ ของจีน เพื่อที่จะติดต่องานในเรื่องของภาพใหญ่ภาพรวมในระดับประเทศ พอมาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ผมก็ดูแลเซี่ยงไฮ้กับอีก 3 มณฑล ก็คือมณฑลอันฮุย เจียงซู และก็เจ๋อเจียง ทีนี้พอลงมาลักษณะงานของกงสุลผมก็ดูในรายละเอียดในเรื่องของพื้นที่ ก็มักจะเน้นในเรื่องของส่งเสริม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ที่สำคัญที่ตอนนี้ผมพยายามผลักดันก็คือ ในมิติของเรื่องวัฒนธรรมและสังคม ผมคิดว่าเศรษฐกิจกับวัฒนธรรมสังคมต้องไปด้วยกัน ไปทางด้านเศรษฐกิจอย่างเดียวก็ไม่ได้ ทางด้านสังคม วัฒนธรรม การศึกษาก็ต้องมีพัฒนาการไปด้วยกัน ในด้านการค้าการลงทุนผมคิดว่า ณ ปัจจุบันนี้ ของไทยเข้ามาลงทุนก็ไปด้วยดี แต่ผมคิดว่าในลักษณะเอสเอ็มอี อย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรกก็คือว่า มันควรจะไปได้มากว่านี้ ก็พยายามที่จะมีการผลักดันให้คนไทยเข้ามาลงทุนในนี้ ในขณะเดียวกันเราก็แน่นอน ส่งเสริมให้คนจีนลงทุนในประเทศไทย ก็มีสำนักงานวีโอไออยู่ที่นี่คอยประสานงานให้อยู่ ส่วนในด้านของสังคม วัฒนธรรม การศึกษา ที่นี่ว่าไปแล้ว เรามีองค์กรนักเรียนไทยที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้มากพอสมควร เรามีประมาณ 500 ถึง 600 คน อาจจะน้อยกว่าที่ปักกิ่ง เรามีนักเรียนไทยที่อยู่ในปักกิ่งประมาณ 1200 ถึง 1300 บางครั้งอาจจะถึงเกือบ 2000 เพราะว่าเราไม่มีตัวเลขแน่นอน ก็ถือว่า คนไทยเราในเซี่ยงไฮ้มีประมาณ 1000 ของนักเรียนก็มากไปกว่าครึ่งแล้ว ที่ผ่านมาผมก็ยังมีความรู้สึกว่า นักเรียนไทยไม่ค่อยทำกิจกรรมร่วมกัน หรือว่ายังไม่ค่อยได้รู้จักกัน เป็นคนไทยด้วยกันก็ต่างคนต่างเรียน คนละแห่ง ไม่รู้จักกัน ผมก็เลยผลักดันให้มีการตั้งสมาคมนักเรียนไทยในเซี่ยงไฮ้
 
* แต่ก่อนไม่มีหรือคะ
 
* แต่ก่อนไม่มีครับ แต่ก่อนก็จะมีชุมนุมในแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งมีนักเรียนไทยเรียนอยู่ในเซี่ยงไฮ้ประมาณ 11 หรือ 12 มหาวิทยาลัย ตอนนี้ผมก็มาตั้งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในเซี่ยงไฮ้ เพื่อที่จะให้ทุกมหาวิทยาลัยมาร่วมกันทำกิจกรรม โดยมีคณะกรรมการของสมาคม ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของทุกมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้น เวลามีการจัดกิจกรรม หรีอว่ามีการที่จะทำอะไรที่เป็นของส่วนรวมนักเรียนไทย ในนามของนักเรียนไทยในเซี่ยงไฮ้ เขาก็จะถึงกันหมดและก็จะทำด้วยกัน เขาก็จะได้มีการสร้างเครือข่ายระหว่างนักเรียนไทยกันเอง และก็มีการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ต้องเป็นการทำให้สังคมนักเรียนไทยมีความเข้มแข็ง งานแรกที่เขากำลังจะจัดก็คือวันที่ 18 เมษายนจะจัดงานสงกรานต์ สงกรานต์วันที่ 13 แต่พอดีวันที่ 13 นักเรียนไทยบางคนต้องสอบ ก็เลยไปจัดวันที่ 18 สมาคมนักเรียนไทยในเซี่ยงไฮ้ก็จะจัดงานสงกรานต์ และควบคู่กับงานสงกรานต์ก็จะมีการแข่งฟุตบอลล์ โดยให้แต่ละมหาวิทยาลัยรวมทีมกัน ซึ่งในแต่ละทีมก็จะมีนักเรียนต่างชาติที่สนใจมาร่วม แต่ว่าอาจจะมีข้อกำหนดว่ามีให้สักคนเดียวหรือสองคน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนไทย อันนี้ก็จะเป็นงานแรกที่จะเริ่ม และก็จะร่วมกันทำ ต่อไปก็อาจจะมีการจัดลอยกระทงและงานอะไรต่าง ๆ งานทางด้านวัฒนธรรม เราก็พยายามที่จะเอานาฏศิลป์หรือว่าเอาความเป็นไทยเข้ามาเผยแพร่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตลาดน้ำหรือว่างานศาลาไทยอะไรต่าง ๆ อีกอันหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์คือว่า คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชนมาอยู่ที่นี่ประมาณ 1000 กว่าคน ก็มีวัดจีนอยู่ 3 หรือ 4 แห่ง ผมก็เลยคิดจะอันเชิญพระพุทธรูปไทยมาประดิษฐานในวัดจีน เพื่อที่จะให้คนไทยได้มีโอกาสมากราบไหว้บูชา คนไทยก็มาทำบุญที่วัดจีนอยู่แล้ว แต่ถ้ามีพระพุทธรูปไทย เขาก็มีความคุ้นเคย และก็ในช่วงของวันพุทธศาสนา ก็จะทำศาสนาร่วมกัน ผมก็จะเรียนเชิญคนไทยมาร่วมกันทำบุญ เป็นเรื่องของจิตใจ ที่จะให้ทุกคนมาร่วมกันทำบุญ และก็เป็นการให้คนไทยทุกคนที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ได้รู้จักกันและก็ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
 
* เป็นแนวคิดที่ดีมากในการสร้างสังคมคนไทยในเซี่ยงไฮ้ให้เหนียวแน่นมาก
 
* ซึ่งตอนนี้ ผมก็ได้ดำเนินเรื่องไปแล้ว และก็ไปคุยกับทางเจ้าวัดของวัดจิ้งอัน ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง เหตุที่เป็นวัดจิ้งอัน เพราะว่าเป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ 700กว่าปีตั้งแต่สมัยสามก๊กจนทุกวันนี้ สอง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพราะฉะนั้น ที่วัดจิ้งอัน ข้างล่างเป็นสถานีรถไฟ สาย 2 คนมาวัดนี้ง่าย ก็นั่งรถไฟใต้ดินมา ขึ้นมาก็เจอวัด ก็มีความสะดวก และก็เป็นวัดที่เก่าแก่ ผมก็เลยติดต่อกับองค์กรพุทธศาสนิกชนโลกที่อยู่ที่เมืองไทย ซึ่งพอดีหล่อพระพุทธรูปปางสุโขทัย ก็จะขออันเชิญมาประดิษฐานไว้ที่นี่ กำลังดำเนินการเรื่องอยู่ เพราะว่าเวลาอันเชิญมา ทางวัดก็ต้องทำเรื่องขออนุมัติจากรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลกลาง ทางผมก็ต้องดำเนินการเรื่องฝ่ายไทย ก็หวังว่าจะได้อันเชิญพระพุทธรูปมาในเร็ว ๆ นี้ วันที่ 18 ถึง 19 เราก็มีการร่วมกับทางสถาบันการแสดงของเซี่ยงไฮ้ มีการจัดสัมมนา ฟิล์มภาพยนต์ สัมมนาการสร้างภาพยนต์ของไทยกับของจีน โดยมีการเชิญอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประมาณ 8 9 ท่านมาร่วมสัมมนากับนักวิชาการของจีน และก็มีการฉายตัวอย่างภาพยนต์ไทยในงานด้วย
 
* ค่ะ เป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
 
* และก็เป็นความร่วมมือด้วย โดยที่ว่าจีนก็มีพัฒนาการความก้าวหน้าในเรื่องการสร้างภาพยนต์อย่างมาก ก็จะมีการสร้างภาพยนต์ระหว่างไทยกับจีนก็ได้ อันนี้ก็มีความเป็นไปได้ เขาก็มาคุยในเรื่องของเทคนิค แสงสี และถ่ายทำ มันก็หลาย ๆ เรื่อง
 
* ตอนนี้ก็เริ่มเกิดกระแสนิยมในกลุ่มผู้ชมของจีนที่นิยมหนังไทย เพลงไทย ดาราไทย ละครไทย
 
* อันนี้สิ่งหนึ่งก็คือ ผมก็มีการคุยกับองค์กรต่าง ๆ ในนี้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องธุรกิจบันเทิง เขาก็นิยม อยากได้เพลงไทยมาเปิดในวิทยุ เพราะเริ่มมีคนจีนสนใจมากขึ้น แม้กระทั่งละครไทยก็มีหลายช่องในจีน หลายมณฑลก็เริ่มมาฉาย
 
* เดี๋ยวนี้มีแฟนละครไทยแล้วค่ะ และซีอาร์ไอก็ยินดีเป็นสื่อในการเผยแพร่วัฒนธรรม และละครไทย เพลงไทยด้วย
 
* ผมเปิดทีวีก็มีหลายเรื่องที่เข้ามาแล้ว แต่ว่ามีอยู่อันหนึ่งก็คือว่า เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องมีพากย์ภาษาจีน ซึ่งอันนี้.สำคัญมาก ทีนี้ผมไปที่ไหนก็มีเพื่อนชาวจีนมาถามผมว่า วันก่อนได้ดูละครไทยเรื่องนี้บนทีวี ก็เป็นเรื่องสนุกมาก อย่าง "สงครามนางฟ้า" ก็เคยมาฉายแล้ว
 
*มีหลายเรื่องซีอาร์ไอเป็นผู้แปลบทค่ะ
 
* ผมก็เลยยังคุยกับทางด้านวิชาการว่า สนใจไหม อาจจะให้ทำกับพวกผู้ผลิตละครพวกนี้เข้ามาคุยกับทางจีน แต่ว่าแนะนำว่าเขามาคุยกันเอง
 
* ซีอาร์ไอก็ยินดีอำนวยความสะดวกค่ะ วันนี้ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณท่านกงสุลค่ะ
 

ขอแนะนำให้คุณอ่าน

ช่องแนะนำ

ด้านบน คิดเห็น