“Belt and Road Initiative ในวาะครบ 10 ปี”
 การเผยแพร่:2023-10-16 16:25:11   ดูความถี่:0 แหล่ง:CMG

โครงการนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อแต่ความหมายตรงกัน  จีนเรียกว่า “อิไต้อิลู่”  ไทยเรียกว่า “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”  ภาษาอังกฤษมักเรียกว่า New Silk Road  หรือ BRI (Belt and Road Initiative) ที่มีคำว่า “Initiative” ต่อท้าย   ก็เพื่อให้เห็นแตกต่างจาก Silk  Road แต่โบราณ   เพราะ Silk Road  ครั้งนี้เป็น “ความคิดริเริ่ม” ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง  ซึ่งไปเปิดเผยโครงการนี้ให้ให้ชาวโลกรู้จักเป็นครั้งแรก  ขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศคาซัคสถานเมื่อปี ค.ศ. 2013  นับถึงปัจจุบันครบ 10 ปีพอดี

อันที่จริง Silk Road ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับจีน  ประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่ยุคฮั่น (ก่อนค.ศ.200 ปี) ก็ได้เห็นถึงความพยายามของจีนที่จะบุกเบิกเส้นทางการค้าสู่โลกกว้าง  เริ่มต้นเส้นทางที่เมืองซีอานไปทางตะะวันตก  เดินไปท่ามกลางทะเลทรายและความแห้งแล้งที่ร้อนระอุ  เพื่อไปติดต่อค้าขาย (โดยเฉพาะผ้าไหม)  ให้กับประเทศตะวันตก ผ้าไหมของจีนเป็นที่ต้อนรับพร้อมกับเส้นทางสายไหมที่ขยายตัวไกลออกไปทุกที  จนมีอยู่ยุคหนึ่งที่ผ้าไหมถือเป็นอาภรณ์ชั้นสูงสวมใส่ได้เฉพาะจักรพรรดิและพระราชวงศ์แห่งกรุงโรมเท่านั้น   อีกด้านหนึ่ง  พระถังซัมจั๋งก็เดินทางไปนำพระไตรปิฎกมานั่งแปลอย่างบากบั่นเพื่อให้คนจีนรู้จักพระพุทธศาสนผ่านการเดินทางไปและกลับบนเส้นทางสายนี้เช่นกัน    เมื่อเส้นทางบกสามารถเดินทางไปติดต่อกับนานาชาติได้  เส้นทางทะเลก็น่าจะนำพาจีนไปได้ไกลกว่านั้นเสียอีก  กองเรือของ “เจิ้งเหอ”(ซัมปอกง)  ที่เดินทางไปประกาศศักดาของจีนให้ชาวโลกรู้จักในยุคหมิง (ราวค.ศ. 1400) ก็เช่นกัน  เล่าลือกันต่อมาว่าเขาคือผู้ที่ค้นพบอเมริกาก่อนหน้าโคลัมบัสเสียอีก  นี่เป็นบทพิสูจน์จากประวัติศาสตร์โบราณของจีนว่า  ในเมื่อโลกกลมการไปมาหาสู่กันทั่วโลก   หากมีสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ความปลอดภัยพร้อมเพรียงก็เป็นสิ่งที่ต้องทำได้เช่นกัน

ประสบการณ์จากการติดต่อค้าขายกับประเทศทั้งใกล้และไกลไม่เคยหลงลืมไปจากความทรงจำของผู้นำจีนเลย  เมื่อจีนปลดแอก (ค.ศ. 1949)  กับจีนในยุคปัจจุบันแตกต่างกันลิบลับทั้งความพร้อมทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีการคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเล  เวลานี้จีนสามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงทะลุทะลวงไปทั่วทวีปยุโรปแล้ว  และมีความพร้อมทางเทคโนโลยีการเดินเรือที่ปลอดภัยสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก   ความคิดเรื่อง SilK Road  ซึ่งจีนถือว่าเป็นสมบัติเก่าแก่ของจีนก็กลับมาสู่ความคิดของสีจิ้นผิงอีกครั้ง  ทำให้เขาพร้อมที่จะนำเสนอ “ความคิดริเริ่ม” ใหม่อีกครั้งในการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศทั่วโลก เพราะจีนมีความพร้อมที่จะ “พี่ใหญ่” ชักจูงประเทศเล็กประเทศน้อยทั่วโลก  ให้มีการไปมาหาสู่กันอย่างเสมอภาค  คบค้าเป็นมิตรกัน  ร่วมมือกันในการสร้างเสริมเศรษฐกิจ  การค้า  การลงทุน  พัฒนาสู่ความก้าวหน้าไปพร้อมกันเพื่อสันติภาพและความชะตากรรมร่วมกันของมนุษยชาติ

วันที่  17-18 ตุลาคมปีนี้  BRI จะจัดประชุมเป็นครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง  ประเทศที่แจ้งชื่อเข้าร่วมประชุมขณะนี้มีกว่า 130  ประเทศ  องค์กรระหว่างประเทศอีก 32 องค์กร  คาดว่าที่ประชุมคงมีการอภิปรายถึงโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ซึ่งมีถึงกว่า 3,000 โครงการ  เกี่ยวข้องกับมูลค่าการลงทุนถึงกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

หลังปิดการประชุมในวันที่ 18 แล้ว  เราจะรายงานให้ทราบถึงแนวทางในอนาคตของโครงการ BRI ให้ทราบกันอีกครั้ง  แต่ขอทิ้งท้ายด้วยข้อสังเกตสัก 2 ประการเกี่ยวกับประเทศไทย  1)  ทำเลของไทยในฐานะส่วนหนึ่งของ BRI ถือว่ามีความสำคัญมาก  หากไทยแน่วแน่ไม่คิดวอกแวกที่จะนำข้อดีเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์  เพราะไทยอยู่ในทำเลที่ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของอาเซียนตอนบน  สามารถเชื่อมต่อกับ BRI ได้ทั้งทางน้ำและทางบก  เป็นเส้นทางยุทธศาสนตร์สำคัญบนระเบียงเศรษฐกิจจีนกับคาบสมุทรอินโดจีน  แต่ขณะนี้ไทยยังคงล่าช้ากับโครงการความร่วมมือต่าง ๆ  เพราะมัวคำนึงถึงการสูญเสียผลประโยชน์ที่จะตกกับผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง  ทำให้โครงการต่าง ๆ ก้าวหน้าไปช้ามาก   2)  ขณะเดียวกันในทางจิตวิทยา  ฝ่ายจีนก็ต้องทำประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นเกี่ยวกับความร่วมมือที่เสมอภาคไม่เอารัดเอาเปรียบกันสำหรับประเทศที่เข้าร่วมกับ BRI  เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยยังมีความไม่แน่ใจเกรงว่าจะเป็นหนี้ภาระผูกพันก้อนใหญ่ที่ทำให้ลูกหลานต้องชดใช้ไปไม่รู้จักหมด

แต่ก็คงมีอีกขั้วหนึ่งที่ตรงกันข้าม  มอง BRI ว่าเป็นโครงการใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดในโลกแห่งศตวรรษทื่ 21 หาก BRI ไม่สะดุดขาตัวเอง  เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง  จะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถเชื่อมโยงกันด้วยเศรษฐกิจที่สมประโยชน์กันทุกฝ่าย   BRI อาจเป็นเครื่องมือสำคัญชวยสร้างแรงกดดันให้การเมืองระหว่างประเทศ  ทำให้ระเบียบโลกใหม่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

โดย รศ.วิภา อุตมฉันท์


ช่องแนะนำ

ด้านบน คิดเห็น