ใจกลางทะเลทรายตะคลามะกัน (Taklamakan) อันกว้างใหญ่ มีทางหลวงสายหนึ่งชื่อว่าทางหลวงทาริมที่มีความยาว 522 กิโลเมตร จากเหนือจรดใต้  โดยได้ปลูกต้นไม้เป็นแถบป้องกันระบบนิเวศสีเขียวทั้งสองข้างทางหลวง ปี 2022 บริษัทเหมืองน้ำมันทาริมได้ปรับปรุงและ "อัปเกรด" ทางหลวงกลางทะเลทรายสายนี้ โดยก่อสร้างบ้านบ่อน้ำเพื่อชลประทาน  และตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อกำเนิดไฟฟ้าสองข้างทาง  อีกทั้งใช้มาตรการต่างๆ ในการควบคุมการขยายตัวของทะเลทราย นี่ก็คือโครงการสาธิตคาร์บอนเป็นศูนย์ของทางหลวงกลางทะเลทรายทาง

ทะเลทรายตะคลามะกันเป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยมีความยาวประมาณ 1,000 กิโลเมตรจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก และกว้างประมาณ 400 กิโลเมตรจากเหนือจรดใต้ ทางหลวงสายนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยและเปิดให้บริการเมื่อปี 1995 ต่อมาชาวท้องถิ่นได้ใช้เวลากว่า 10 ปีในการปลูกต้นไม้จำนวนกว่า 20 ล้านต้นอยู่สองข้างทาง  และก่อรูปขึ้นเป็นแถบป้องกันนิเวศวิทยาของทางหลวง

หากขับรถบนทางหลวงสายนี้จะพบว่ามีบ้านบ่อน้ำสร้างขึ้นเป็นระยะ  โดยแต่ละบ้านบ่อน้ำห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร  ตลอดทางหลวงสายนี้มีบ้านบ่อน้ำแบบนี้รวม 109 หลัง  โดยแต่ละบ้านจะมีครอบครัวหนึ่งรับผิดชอบดูแล ครอบครัวประจำการเหล่านี้ยังรับผิดชอบรักษาป่าไม้สองข้างทางที่มีความยาว 4 กิโลเมตร

พนักงานที่รับผิดชอบดูแลบ้านบ่อน้ำแนะนำว่า  ทุกวันพวกเขาจะเปิดวาล์วชลประทานหลักและสวิตช์ท่อ นอกจากนี้ยังจะบำรุงหรือซ่อมท่อชลประทาน  ใส่ปุ๋ยให้ต้นอย่างสม่ำเสมอและฆ่าแมลงในป่าไม้

จากสถิติพบว่ากําลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดของโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ทางหลวงกลางทะเลทรายทาริมอยู่ที่ 3,800 กิโลวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าประมาณ 11,000 กิโลวัตต์/ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถตอบสนองการใช้ไฟฟ้าเพื่อสูบน้ำและการชลประทานของบ้านบ่อน้ำเท่านั้น หากยังจะผลิตไฟฟ้าให้แก่ครอบครัวประจําการดังกล่าว

ตั้งแต่โครงการสาธิตคาร์บอนเป็นศูนย์ดังกล่าวเริ่มดําเนินการแล้วได้ช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 1,000 ตันต่อปี   และประหยัดต้นทุนการดําเนินงานเกือบ 4 ล้านหยวนต่อปี การลดการใช้น้ำมันดีเซล สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 3,410 ตันต่อปี นอกจากนี้  แถบป้องกันทางนิเวศวิทยายังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 20,000 ตันต่อปี เท่ากับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยานพาหนะที่ผ่านจำนวนถึง 90,000 คัน/ครั้ง（BO/ZHOU）